แชทส่วนตัวที่ไม่เคยเป็นส่วนตัว เราโดนล้วงข้อมูลทุกครั้งที่ chat ใช่หรือไม่? #เหยื่อการตลาด #สายสาระ
เวลาที่เราใช้โซเชียลมีเดีย หลายคนมักจะเข้าใจว่าพื้นที่ให้บริการทางโซเชียลมีเดีย เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณ คุณจะโพส จะดราม่า จะทำอะไรก็ได้ ถ้าเพียงตั้งค่าความเป็นส่วนตัว คนอื่นก็ไม่เกี่ยว ซึ่งอันที่จริงแล้ว อาจจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกสักเท่าไหร่ เพราะพื้นที่เก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นการลงทุนของเจ้าของโครงข่ายโซเชียลมีเดียที่เราเลือก ดังนั้น เราไม่ใช่เจ้าของ เป็นเพียงผู้ใช้บริการที่ถูกจำกัดด้วยมารยาททางสังคม และกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามด้วย ใครจะแหกกฏก็ถูกแบน นั่นหมายถึงคุณไม่ใช่เจ้าของพื้นที่โดยสมบูรณ์ คุณแค่เป็นสมาชิก ประการหนึ่ง
ในขณะเดียวกันที่เรามั่นอกมั่นใจกับความปลอดภัยต่าง ๆ ของเหล่าแอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการแชทส่วนตัว แชทกลุ่ม กลุ่มปิด ฯลฯ ต่าง ๆ นา ๆ ที่มีออกมาให้เลือกใช้ เพราะความเชื่อมั่น รวมไปถึงการทำธุรกิจต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่คิดว่าตอบสนองความต้องการ ความรวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน ยิ่งในยุคนี้แล้วไซร้ โควิดแพร่ระบาดจนทุกคนต้องเวิร์คฟอร์มโฮม ต้องพึ่งพาสื่อโซเชียลในการทำงาน ยิ่งทำให้เจ้าของพื้นที่ที่เราใช้งาน สามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการลงทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเราทุกคนบนโลกตอนนี้ ตกเป็นเหยื่อทางการตลาดโดยสมบูรณ์แบบ
เหตุผลที่กล่าวอ้างเช่นนี้นั่นก็เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณคิดว่าเป็นส่วนตัว มีนโยบายความปลอดภัยยาวเหยียดมาให้เราอ่าน ก่อนที่จะกด ยินยอม ตกลง เปิดเผยข้อมูล ให้เข้าถึงได้ฯ นั่นเป็นการล้วงลับตับแตกชีวิตประจำวันของคุณอย่างไม่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแชทคุยระหว่างแฟนกับแฟน พ่อกับแม่ ลูกกับพ่อแม่ หรือจะเป็นความลับอะไรก็ตามที่พวกเราเผยลงไปในแชท ถูกเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมดโดยโปรแกรมที่แสนอัจฉริยะที่สามารถล่วงรู้ได้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ชอบแบบไหน ไม่ชอบอะไร เอาง่าย ๆ แค่พูดถึงอะไร หรือคิดถึงอะไรแล้วดูสื่อแบบไหน ก็ถูกบันทึกไว้อย่างรวดเร็ว เช่น เวลาที่เราคุยกับเพื่อนว่า "วันนี้ฉันอยากกินชาบู" แค่คุณปิดแชท คุณก็จะเห็นโฆษณาร้านชาบูแทรกขึ้นมาทันทีเชียวแหละ หรือคุณกำลังด่าการเมือง เวลาที่คุณเข้าไปชมวีดีโอในแอพโซเชียล ก็จะมีข่าวการเมืองขึ้นมาให้คุณเห็นทันทีเช่นเดียวกัน หรือกระทั่งใครที่คิดว่าบอกผ่านความลับสำคัญทางแชท โดยคิดว่าเป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคนนะ ทั้งที่จริงแล้วเราถูกแอบส่องและเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในฐานระบบทั้งหมด
และนี่คือการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดของเจ้าของพื้นที่ที่ให้บริการโซเชียลมีเดียกับเราทุกคน การเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ เพื่อสำรวจพฤติกรรมมนุษย์ และบัดนี้ เราทุกคนบนโลกถูกจัดทำข้อมูลเข้าสารบบเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ในบางครั้งแค่เราค้นหาใน search engine ว่าเราอยากรู้เรื่องอะไร ข้อมูลเหล่านี้จะขึ้นในโซเชียลชนิดอื่น ๆ ด้วยว่า เรากำลังหาข้อมูลเรื่องนี้ และหน้าโฆษณาก็จะขึ้นตามมา ไม่เพียงแค่นั้น ข้อความทางโทรศัพท์ หรืออีเมลล์ก็จะเด้งขึ้นมาแจ้งเตือนให้เราเข้าไปอ่านมากมาย หรือหนักสุดก็จะเป็นการโทรมานำเสนอข้อมูลเลยก็มี นั่นเป็นเพราะบริษัทที่มีหน้าที่ทำการตลาดเหล่านี้ ได้รับข้อมูลที่เพียงพอในการทำโปรโมชั่นมานำเสนอนั่นเอง
ดังนั้น การจะเปิดเผยข้อมูลอันใดทางสื่อโซเชียลมีเดีย ที่เป็นช่องทางส่วนบุคคลนั้น มีกฎหมายคุ้มครอง และเจ้าของพื้นที่สื่อให้การรับรองก็จริง แต่พึงสังวรไว้ด้วยว่า เรากำลังให้ข้อมูลเพื่อการคัดกรองรวบรวมทั้งหมด ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการแชท การวีดีโอคอล เราถูกจัดทำดัชนีบันทึกเรื่องราวไว้ทั้งหมด ความเป็นไปในบริษัท โอกาสทางธุรกิจ หนทางสร้างธุรกิจ ก็ถูกจัดเก็บไว้เช่นเดียวกัน ถามว่าอันตรายไหม ตอบเลยว่าไม่ได้หลุดไปถึงคู่แข่งอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่กล่าวไว้แล้วว่านโยบายความเป็นส่วนตัว ครอบคลุมความปลอดภัยของข้อมูลให้เรา แต่ถ้าถามว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเก็บหรือไม่ ตอบเลยว่าใช่ เมื่อข้อมูลถูกเรียบเรียงไปแล้ว จึงจะมีกำหนดที่จะลบฐานข้อมูลดังกล่าว ดังเช่นไฟล์ใดก็ตามที่เราปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็จะถูกลบออกไปนั่นเอง เหมือนกับต้นฉบับที่ถูกจัดเก็บสิ่งที่อยากได้ไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ให้เปลืองพื้นที่ ประมาณนั้น
และนี่คือความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน ที่เราต้องแลกมาด้วยการเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานของโซเชียล ที่ผู้กุมความลับทั้งหมด เป็นเจ้าของพื้นที่นั่นเอง แล้วถ้าวันหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตราย มนุษย์ทุกคนจะตกเป็นเป้าอย่างไร ยังคงนึกภาพไม่ออกเช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น