วิธีเลี้ยงกระรอกเด็กให้ซนน้อยลง #สายทาส Cutie
ช่วงนี้เราคงยังเล่ากันต่อกับประสบการณ์เลี้ยงกระรอกนะครับ ก็จะมาพูดถึงเรื่องของกระรอกเด็ก ที่เราจะหาวิธีกำราบให้เค้าซนน้อยลง เพราะหลายคนที่เลี้ยงกระรอกมักจะติดปัญหาเดียวกันคือ กระรอกซน ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า กระรอกนั้น เป็นสัตว์ฟันแทะ และโดยอุปนิสัยตามธรรมชาติของกระรอก คือเค้าจะมีความซุกซนและปราดเปรียว เพราะเค้าจะต้องฝึกสัญชาติญาณการเอาตัวรอด เหมือนพวกหนู หรือสัตว์ฟันแทะอื่น ๆ
เพราะฉะนั้นในความน่ารัก ก็จะมีความน่าตีควบคู่กันไปด้วยครับ ครั้นจะพูดถึงความซนของน้องกระรอกแล้ว ก็ต้องดูเหตุปัจจัยประกอบ เพราะกระรอกน้อยแต่ละตัว มีนิสัยแตกต่างกันติดตัวมาแต่เด็ก เช่น พอเริ่มจำกลิ่นได้ ปราสาทสัมผัสเริ่มรับรู้แล้วว่า ใครคือผู้ให้นม ก็จะเริ่มมีวิวัฒนาการความซนแตกต่างกันไป ดังนั้น ขั้นแรกคือ "เราต้องรู้จักที่จะเลือกลูกกระรอกน้อย" บางคนบอกว่า ถ้าเลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ลืมตาจะฝึกง่าย นั่นเป็นความคิดที่ถูกต้องครับ แต่ยังไม่ลืมตาก็เสี่ยงที่น้องกระรอกจะเสียชีวิตง่ายด้วยเช่นกัน เพราะต้องเอาองค์ประกอบของการเลี้ยงมาดูอย่างละเอียด เช่น อุณภูมิห้องที่เลี้ยง การกกไฟ การป้อนนมที่สะอาด ภาชนะที่สะอาด การเปลี่ยนผ้าปูนอนทุกวัน การไม่ใช้สารเคมีซักผ้าปูนอน ฯลฯ ซึ่งกระรอกเป็นสัตว์ที่บอบบางมาก มีโอกาสเสียชีวิตได้หลายกรณี
ประเด็นต่อไปคือการดูนิสัยตั้งแต่ก่อนรับมาเลี้ยง ตัวที่วิ่งซน ๆ อย่าเหมาว่าเค้าจะซนจนโต บางทีคือเค้าแข็งแรงกว่าตัวอื่น ในขณะที่เราเลือกอยู่เค้าจะเกาะเก่ง ดมกลิ่นเก่ง แต่การแข็งแรงกว่าตัวอื่น ก็ใช่ว่าจะแข็งแรงตลอดไป อย่างที่บอกครับ ส่วนตัวผมจะเลือกตัวที่จมูกไม่แฉะจนเกินไป ที่ก้นไม่มีร่องรอยของอุจจาระเปียก เพราะน้องอาจจะท้องเสียอยู่ก่อนแล้ว รับมาเลี้ยงลำบาก ปรับท้องยาก ใช่ครับ ทุกคนเห็นย่อมสงสาร แต่เราจะทำอะไรได้ในเมื่อแม่ค้า พ่อค้า เค้าเลี้ยงน้องมาแบบนั้น เอาเป็นว่าดูน้องที่แข็งแรงที่สุดก่อน แล้วดูการดม ถ้าจับน้องมาใส่มือแล้ว น้องวิ่งหนีอย่างเดียว อันนี้รับรองว่า นำมาเลี้ยงให้เชื่องยาก เพราะน้องจะกลัวคนจับมาตั้งแต่เด็ก อาจจะถูกพรานป่าจับมาแบบทารุณ สัญชาติญาณคือ น้องจะไม่ยอมให้เราจับง่าย ๆ ซึ่งวิธีประคบประหงม ก็จะต้องสูงขึ้นไปอีก นั่นหมายถึงคุณต้องมีเวลาให้กระรอกน้อยอย่างจริงจัง แทบจะ 18 ชม. ขึ้นไปเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ตื่น ต้องได้กลิ่นเราเป็นอันดับต้น ๆ
เอาเป็นว่าวิธีการเลือกที่ดีคือ เลือกตัวที่ดูแข็งแรง แต่ไม่วิ่งหนีมือ ถ้าเลือกมาแล้ว ก็รับมาดูแลด้วยการให้ความอบอุ่น ส่วนตัวผมจะใส่ถุงห้อยคอ ซึ่งร้านขายสัตว์เลี้ยงจะมีขาย ซื้อติดไว้เลยสัก 3-4 ถุง ไว้คอยซักเปลี่ยน เวลาซัก ก็ให้ซักด้วยน้ำอุ่นผสมสบู่เด็กกลิ่นอ่อนที่สุด ตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาเปลี่ยน และควรเปลี่ยนทุกวัน เพื่อให้กระรอกน้อยชินกลิ่นเรา มากกว่ากลิ่นฉี่ กลิ่นอึในถุง เค้าจะติดเรามาก ๆ แค่ได้ยินเสียง หรือได้กลิ่น จะวิ่งเข้าหาทันที
เวลาเลี้ยง พยายามจำกัดพื้นที่ครับ กระรอกเด็กทำได้สามอย่าง คือ กิน ถ่าย นอน เพราะฉะนั้น ให้เค้าอยู่ติดตัวเราตลอดเวลา นั่นหมายความอย่างที่บอก ถ้าคุณไม่มีเวลาเลี้ยง อย่ารับเอาไปเลี้ยงครับ ยิ่งกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงเดี่ยวด้วย ถ้าจะเลี้ยง 2 ตัว แล้วยิ่งไม่มีเวลาให้ ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะกระรอกคู่บางคู่ที่รับมา ตอนเด็กเค้ายังไม่ปราดเปรียว พอโตขึ้น เข้าใกล้กันก็กัดกันก็มี หรือถ้าไม่กัดกัน ก็กัดเจ้าของ ดังนั้น เลี้ยงตัวเดียวเค้าจะรักเจ้าของมากกว่ารักเพื่อน และเค้าจะต้องการเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน จะนอน ตื่นมาถ้าไม่เจอเค้าก็ซึม บางทีการเล่นของเค้า ด้วยความที่เค้าเป็นสัตว์ฟันแทะ เค้าก็จะขบกัดเราอย่างเบาที่สุด แต่ก็นั่นแหล่ะครับ บางทีเค้าได้กลิ่นแปลก ๆ จากตัวเราเช่น เราไปเล่นกับหมากับแมวมา โอกาสที่เค้าจะระแวง และขบแรงๆ จนเลือดอาบก็มีสูงขึ้นไปอีก หรือร้ายที่สุดคือกลิ่นกระรอกต่างสายพันธุ์ หรือต่างถิ่น เค้าจะวิ่งเข้ามากัดทันทีตามสัญชาติญาณ ผมเคยเลี้ยงเจ้าเฮอร์ไมล์จนโต ปรากฎไปเห็นน้องอีกตัวที่ร้าน ตอนไปซื้อนมแพะ อดใจไม่ไหว รับมาเลี้ยง พอกลับถึงบ้าน กำลังป้อนนมเจ้าตัวใหม่ ก็เกิดอาการโมโหร้ายขึ้นมาเลย เฮอร์ไมล์ได้กลิ่นแต่ไกล กระโดดเข้ากัดน้อง พอเราเอามือป้องไว้ โดนไปเต็ม ๆ และหลังจากนั้น เค้าจะไม่เชื่อใจเราง่าย ๆ ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะยอมให้จับเหมือนเดิม ซึ่งถ้ามีกลิ่นตัวใหม่ เค้าก็จะหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้ตอนโตจะเทียบกรงอย่างไรก็ไม่ง่าย เพราะความที่เฮอร์ไมล์ผมเลี้ยงแบบติดตัว เค้าจะติดผมมาก ส่วนเจ้าตัวใหม่ แน่นอนครับ ต้องกลายเป็นกระรอกนอนกรงไปโดยปริยาย เพราะถ้าให้ความสำคัญกับกระรอกใหม่ก่อน เฮอร์ไมล์หลุดออกมาได้ อาละวาดทันที ถ้าจะพูดถึงการเทียบ การผสมพันธุ์ จะเป็นอีกเรื่องนึงตอนโต ซึ่งเมื่อไหร่ที่น้องติดสัตว์ และเลือกคู่ได้ เค้าจะห่างจากเจ้าของไปโดยปริยายเองตามธรรมชาติ เค้าจะลากทุกอย่างใส่กรง ทำรัง และหวงรังมาก เจ้าของเองก็มีสิทธิ์ที่จะโดนกัดเมื่อเข้าใกล้รังเค้าเวลากลางคืน
ถ้าคุณต้องการลูกกระรอกที่นิสัยดี ติดคน ควรเลี้ยงตัวเดียว แล้วให้ความรักให้เต็มที่ เค้าอยู่กับเราไปได้อีกหลายปี และเค้าจะปรับนิสัยตามคน อย่าปล่อยให้ซนวิ่งแทะเล่นจนเคยตัว พยายามหาไม้แทะ หรือลูกไม้ให้เค้าลับฟัน และนั่นก็อีก ต้องเป็นไม้ใหม่บ้าง เก่าบ้าง เพราะเค้าจะชอบแบบนั้น เวลาปล่อยเล่น ก็ต้องระวัง กระรอกจะมีนิสัยขี้ตกใจ ไม่ว่าจะเสียง กลิ่นรบกวน สารพัดอย่าง การเลี้ยงกระรอกในเมืองค่อนข้างลำบาก ยิ่งถ้าปล่อยไปเจอแมว เจอหมา น้องอาจเสี่ยงอันตรายจนถึงชีวิตได้ เพราะความที่บางตัวเชื่อง ก็ไม่วิ่งหนี กลับวิ่งไปกระดิกหางเล่นกับเจ้าหมาเจ้าแมวก็มี และด้วยความเชื่อง อาจจะไปกระโดดเกาะคนรอบข้าง แล้วถ้าเค้ากลัวสะบัดหนี หรือไล่มันด้วยมือ มีสิทธิ์เลือดอาบ ต้องรับผิดชอบกันไปอีก
เห็นหรือไม่ครับว่า การเลี้ยงกระรอก ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นสำหรับส่วนตัว ผมคิดว่า อย่างไรเสีย สัตว์ป่า ก็ควรอยู่ในป่า ถึงแม้จะรักเพียงใดก็ตาม ทุกวันนี้ผมปรับพฤติกรรมจนเค้าเข้าป่าไปสร้างรังอาศัยอยู่เองได้ ก็สบายใจที่ให้เค้าได้คืนสู่ธรรมชาติครับ แต่ก็คิดถึงทุกวัน แรก ๆ ที่ไปก็แวะมาหาผมทุกวัน แต่พอจับคู่ได้ เค้าก็ไม่มาแล้ว ครั้งแรกเลย ที่ทดลองเลี้ยงปล่อย วิ่งกลับมากรงวันละ 2-3 รอบ หาของกิน แล้วก็ไปต่อ ไปกระโดดเล่นที่บ้านข้าง ๆ สวนของผม จนเจ้าของบ้านที่รู้จักกัน เค้าเอากรงดักกลับมาให้ บอกว่ามันไปล่อหมา หมาเห่าทั้งวัน ดูสิครับ ความคุ้นคนของเค้า ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าปล่อยธรรมชาติคงไม่รอดแน่ๆ แต่โชคดีที่เค้าปรับตัวเป็น ผมยังต้องกำชับเพื่อนบ้านว่า ถ้าเจอให้ไล่เลยครับ เค้าจะได้กลัวคน ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร
แต่ละคนที่เลี้ยง โอกาสที่จะปล่อยคืนธรรมชาติมีน้อยมาก ทั้งในเรื่องพื้นที่ป่า หรือสวน ใกล้ชุมชนหรือเปล่า มีพรานป่ามั๊ย มีสวนผลไม้ของใครหรือเปล่า เพราะทุกองค์ประกอบ อาจจะทำให้กระรอกน้อย อันตรายถึงชีวิตได้ทั้งหมด
ฝากไว้สักนิดนะครับ คนที่จับเค้ามาขาย ก็ได้บาปติดตัวไป พรากลูกพรากแม่เค้ามา การที่เรารับมาเลี้ยงเพราะความเอ็นดูก็เป็นสิ่งดี แต่การจะเลี้ยงให้ได้ และให้เค้ามีความสุข ก็เป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้น อย่าผูกเวรผูกกรรม ดีที่สุดครับ แต่ถ้าสำหรับใครที่มีกำลัง ทำกรงใหญ่ ๆ ครอบต้นไม้ให้เค้าได้ แบบนั้นถึงจะเรียกว่าจำลองป่าให้เค้าได้ ตอนแรกผมก็ตั้งใจทำแบบนั้นนะครับ แต่พื้นที่บ้านสวนของผมอำนวยกว่า เลยตัดสินใจ ให้คืนสู่ธรรมชาติไปทั้งคู่ ซึ่งจากการพูดคุย มีผู้พบเห็นอยู่บ้าง ตอนนี้น้องทั้งคู่ เข้าป่าไปลึกแล้วครับ ขอให้มีความสุขในป่าใหญ่ต่อไปนะ เจ้าเฮอร์ไมล์ เจ้ารอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น