ไพ่ยิปซีมาจากไหน? ชาวยิปซีเป็นใคร? ประวัติศาสตร์ไพ่ (มีคลิป) #สายมูเตลู
สวัสดีท่านผู้ชมทุกท่านนะครับ บันทึกตามสาย กับ "สายมูเตลู" วันนี้ เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานไพ่ยิปซี ที่หลายคนสงสัยถึงต้นกำเนิด ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ต่างกับไพ่ทาโรต์อย่างไร เราจะมาเจาะลึกถึงตำนานความลี้ลับเหล่านี้ บทความนี้ จะเป็นตำตอบทุกข้อคำถามสำหรับทุกคนครับ
กลุ่มที่สองเรียกตัวเองว่า “ชาวโดมารี” (Domari) หรือ “ชาวโดม” (Dom) ส่วนใหญ่พำนักอยู่ยุโรปกลาง
กลุ่มที่สามเรียกตัวเองว่า “ชาวโลมาฟเรน” (Lomavren) หรือ “ชาวโลม” (Lom) ส่วนใหญ่พำนักอยู่ยุโรปตะวันออก และตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ยังมีชนเผ่าต่าง ๆ ที่กระจายออกไปอีกหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็น ซินติ (Sinti), สินธี (Sinthee), มานูช (Manouches) หรือเคล (Kale)
มีรากฐานเดิมมาจากกลุ่มอินโด-อารยัน (Indo-Aryan) ทางแคว้นปัญจาบเช่นเดียวกัน ซึ่งแตกออกไปเป็นภาษาถิ่นมากมาย โดย โยอันน์ คริปส์เตียน คริสตอฟ รูดิเกอร์ (Johann Christian Christoph Rudiger) ได้ตีพิมพ์งานวิจัยของเขา ในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาษาโรมานีกับฮินดูสถาน ว่ามีต้นกำเนิดเดียวกันกับภาษาอินโด-อารยัน ของอินเดียตอนเหนือจริง โดยมีความคล้ายคลึงกับชาวสิงหลบนเกาะลังกา (ประเทศศรีลังกา) เป็นอย่างมาก อีกทั้งตัวเลขในภาษาโรมานี, โดมารี และโลมาฟเรน จะผสมผสานรูปแบบของภาษาสันสกฤต, ฮินดี, เบงกาลี และเปอร์เซียเข้าด้วยกัน และเมื่อทำการเปรียบเทียบ เลข 7-9 นั้น คัดลอกมาจากภาษากรีก
ศตวรรษที่ 1-2
เชื่อกันว่าชาวยิปซีเป็นทายาทของเหล่าพ่อค้าจากวรรณะไวศยะ (วรรณะของอินเดียมี 4 ชนชั้น คือ วรรณะพราหมณ์, วรรณะกษัตริย์, วรรณะแพศย์ หรือไวศยะ และวรรณะศูทร ตามลำดับสูงถึงต่ำ) ซึ่งพ่อค้าเหล่านี้เริ่มเดินทางออกจากอนุทวีปอินเดียในห้วงเวลานี้ ผ่านเส้นทางการค้าอินโด-โรมัน หรือก็คือการค้าระหว่างอินเดียกับอาณาจักรโรมัน ครอบคลุมยุโรปโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างความสัมพันธ์และเริ่มตั้งรกรากในอียิปต์-โรมันบางส่วน ซึ่งในยุคนั้นอียิปต์ก็คือมณฑลหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ก่อตั้งขึ้น 30 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ในจุดที่เรียกกันว่า เบเรอนีส ทรอกกลอไดทิกา (Berenice Troglodytica)
เมื่อเกิดสงครามจากการรุกรานของอัฟกานิสถาน ทำให้เหล่ายิปซีทั้งหลายอพยพหนีภัยสงคราม ผ่านเส้นทางอ่าวเปอร์เซีย, อิหร่าน, ตุรกี, ลัดเลาะเทือกเขาบอลข่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรีกโบราณ เพื่อเข้าสู่โรมาเนีย และกระจายไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมา ซึ่งนี่เป็นที่มาของการเรียกชื่อ “ชนเผ่ายิปซี” นั่นเพราะชาวยุโรปเข้าใจว่า กลุ่มชนดังกล่าวอพยพมาจากอียิปต์ ซึ่งเป็นการปลอมตัวอันแนบเนียนของเหล่ายิปซีที่หวังการคุ้มครองจากคริสตจักรในเวลานั้นนั่นเอง
ไพ่ทาโรต์ปรากฎขึ้นที่ยุโรปในระหว่างยุคกลางกับยุคเรเนสซองส์ โดยเริ่มต้นที่อิตาลี่ และคาตาโลเนียในสเปน แต่ก็ไม่ปรากฎหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ว่าใครเป็นผู้คิดค้นริเริ่ม ผู้เขียนสันนิษฐานว่า เป็นจิตรกรนิรนามผู้หนึ่ง ที่หวังจะสร้างไพ่เพื่อเป็นศิลปะและความบันเทิงในยุคนั้น แต่ด้วยความที่เป็นยุคแห่งคริสตจักรเรืองอำนาจ จึงมีการกดขี่ความเชื่ออื่นจนจมธรณีดิน ดังนั้น การทำนายทายทักของชาวยิปซีที่เคยใช้ดวงแก้วพยากรณ์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่พิสูจน์ไม่ได้ จึงถูกมองเป็นศาสตร์ต้องห้าม และไม่ได้รับการยอมรับจากคริสตจักร เหล่านักพยากรณ์ชาวยิปซีจึงนำเอาไพ่ทาโรต์ ที่หน้าไพ่มีความหมายเชื่อมโยงกับตำนานเทพกรีกและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาคริสต์ มาใช้ในการทำนายทายทัก ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี เพราะภาพของหน้าไพ่ ใช้ในการตีความหมายเพื่อยืนยันดวงชะตาของผู้รับการทำนาย และเป็นเรื่องแปลกอีกเช่นเคย ที่เหล่านักพยากรณ์ชาวยิปซี ต่างก็ทำนายทายทักออกมาอย่างแม่นยำอีกเช่นเดียวกัน
และความนิยมของเกมส์การ์ดเหล่านี้ กลายมาเป็นรูปแบบหนึ่งของการประดิษฐ์เกมส์ตรีอองฟี (Trionfi) โดยเหล่าข้าราชบริพารที่คิดค้นเกมไพ่เชิงเปรียบเทียบเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับผู้มีอุปการคุณของชนชั้นสูง ซึ่งใน 15 ปีต่อมา ก็มีการประดิษฐ์เกมส์การ์ดรูปแบบเดียวกับเกมส์ Trionfi แต่เรียกขานต่างกันเช่น ทารอคกี (Tarocchi) ทารอต หรือทาโรต์ (Tarot) และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุโรป โดยคำว่าตรีอองฟี Trionfi นั้นหมายถึง “ชัยชนะ” และเป็นที่มาของคำว่า “ทรัมป์” (Triumph) ในภาษาอังกฤษอีกด้วย ส่วนชาวอิตาลี่จะเรียกคนกล้าหาญว่าทารอคกี Tarocchi จึงเป็นที่มาของชื่อเกมส์อีกเช่นเดียวกัน
การปรากฎตัวของเหล่ายิปซีในอังกฤษ ด้วยการปลอมตัวเป็นชาวอียิปต์อีกเช่นเคย เพื่ออพยพไปตั้งรกรากในประเทศอังกฤษในเวลาต่อมา
ศตวรรษที่ 16-19
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายกับชาวยิปซี และไพ่ทาโรต์ก็เช่นกัน เหมือนสองสิ่งนี้ ถูกสร้างมาเป็นคู่กันเลยนะครับ ในสถานการณ์สั่นคลอนของความเชื่อถือในคริสตจักร ประกอบกับความเกรงกลัวในอำนาจลี้ลับ และการชอบเล่นไสยศาสตร์ของชาวยิปซี จึงมีการไล่ล่าและต่อต้านชาวยิปซี สาเหตุเกิดจากการทำนายที่แม่นยำ และสิ่งแปลกปะหลาดที่เกิดขึ้นแบบหาสาเหตุไม่ได้ สิ่งที่คริสตจักรเกรงกลัวคือคนจะหมดศรัทธา และหันไปบูชาศาสตร์แห่งยิปซีแทน จึงตั้งราคาค่าหัวสำหรับการล่าชาวยิปซี กระทำเหมือนการล่าสัตว์ป่าอย่างนั้นเลย ประจวบกับช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่คริสตจักรได้พัฒนาหลักคำสอนขึ้นมาใหม่ เกี่ยวกับแนวความคิดของไสยเวทย์ มนต์ดำ และแม่มด ที่หมายรวมว่าเป็นการติดต่อกับซาตาน ดังนั้น อะไรก็ตามที่พิสูจน์ไม่ได้ หรือกระทำสิ่งที่หวังผลเหนือธรรมชาติ จะถูกเหมารวมไปสู่การพิจารณาคดีแห่งการล่าแม่มดด้วยเช่นกัน ผนวกกับการสร้างความเชื่อในเรื่องของการแบ่งแยกสีผิวของคน ระหว่าง คนขาวและคนดำ โดยให้คนขาวเป็นตัวแทนของความสว่าง และคนดำเป็นตัวแทนของความมืด คนผิวเข้มและผิวดำ จึงถูกจัดให้เป็นพวกไม่มีศาสนา ไม่อนุญาตให้เข้าโบสถ์ ซึ่งในความโชคร้ายเหล่านี้ ชาวยิปซีทั้งหลาย ก็มีผิวเข้มจนถึงผิวคล้ำเช่นเดียวกัน
ต่อมาในปีคริสต์ศักราช 1965 กลุ่มผู้แตกแยกได้ก่อตั้งคณะกรรมการยิปซีสากลขึ้น International Gypsy Committee (IGC) ภายใต้การนำของแวนโก รูดา Vanko Rouda และได้จัดการประชุม World Romani Congress ขึ้นในปี 1971 โดยให้เรียกกลุ่มชนของตนเองว่า "โรมา" แทนที่จะเรียกว่า “ชาวยิปซี” ถือได้ว่า รูดา เป็นผู้นำและผลักดันสิทธิละเสรีภาพให้กับชาวยิปซีอย่างจริงจังในห้วงเวลานั้น ภายหลังจากการประชุม World Romani Congress ครั้งที่สองในปี 1978 มีมติให้ใช้ชื่อ “สหภาพโรมานีสากล” International Romani Union (IRU) เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อสิทธิของชาวโรมานี และกำหนดให้วันที่ 8 เมษายนของทุกปี เป็นวันชาติสากลของชาวโรมานี โดยมีธงชาติเป็นสัญลักษณ์ สีเขียว-น้ำเงิน และมีตราอโศกจักราสีแดงอยู่ตรงกลาง (Ashok Chakra) และถูกใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ อีกทั้งยังได้รับสถานะที่ปรึกษาในสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติในปีต่อมา
เวลาต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากความไร้เอกภาพของไพ่ทาโรต์ มีข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับไพ่ชุดรอง โดยที่บางสำนักก็ไม่นำมาใช้ ส่วนที่ใช้ก็อาจจะมีจำนวนไม่เท่ากัน คำทำนายจึงแตกต่างกันแต่ยังคงมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือสัญลักษณ์ทั้ง 4 ที่เชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 ชนิด ในวิหารของกษัตริย์อาเธอร์ โดยตำนานกษัตริย์อาเธอร์นี้นะครับ กำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 5-6 แต่ก็ปรากฎเฉพาะในวรรณกรรม และกวีนิพนธ์ของนักปราชญ์ของสังคมศักดินาในยุคกลาง ที่จับเอาเหตุการณ์, สถานที่ และบุคคลสำคัญ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่าของกษัตริย์อาเธอร์และพ่อมดเมอร์ลิน โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวที่ว่านั้นก็คือ
ไม้เท้า (Wand) สื่อแทนของด้ามหอกที่ทหารโรมันที่ใช้ทิ่มแทงพระเยซูขณะตรึงกางเขน
ถ้วย (Cup) สื่อแทนของจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่พระเยซูใช้ดื่มในอาหารมื้อสุดท้าย บางตำราหมายถึงจอกที่รองรับพระโลหิตของพระเยซูในวันตรึงกางเขน
ดาบ (Sword) สื่อแทนดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ดาวิดในตำนานไบเบิล
เหรียญ (Pentacle) สื่อแทนจานอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู
ถัดมาในศตวรรษที่ 19 เป็นยุคของการสังคายนาไพ่ทาโรต์อย่างเด่นชัด โดยเจ้าสำนักยิปซีฝรั่งเศส ได้มอบหมายให้ตีความไพ่ชุดใหญ่เมเจอร์อาคาน่า (Major Arcana) ทั้ง 22 ใบ และพบว่าเกี่ยวข้องกับอักขระฮีบรู ที่ปรากฎอยู่ในไพ่ ซึ่งภาษาฮีบรูเป็นภาษาโบราณจากดินแดนอันไกลโพ้นแถบตะวันออกกลาง จารึกภาษาฮีบรูถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ 557 ปีก่อนพุทธกาลเลยทีเดียว
การวิเคราะห์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของดัมเมตต์ ชี้ให้เห็นว่า การตีความการทำนายดวงชะตาและไสยศาสตร์ ไม่เป็นที่รู้จักก่อนศตวรรษที่ 18 ซึ่งในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ไพ่ทาโรต์ถูกใช้เพื่อเล่นเกมส์กลยุทธ์ยอดนิยม และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ดัมเมตต์แสดงให้เห็นว่ากลางศตวรรษที่ 18 มีการพัฒนาเกี่ยวกับเกมส์ไพ่ทาโรต์ สร้างความทันสมัยพร้อมทั้งสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในไพ่ชุดฝรั่งเศส และไม่มีสัญลักษณ์ใดเป็นข้อเปรียบเทียบแนวคิดทางไสยศาสตร์ในยุคกลาง ที่คนให้ความสนใจแต่อย่างใด โดยการเติบโตของไพ่ทาโรต์ในห้วงร้อยปี ระหว่างราวปีคริสต์ศักราช 1730 ถึง 1830 เป็นยุครุ่งเรืองของเกมไพ่ทาโรต์อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่เล่นในอิตาลีตอนเหนือเท่านั้น เกมส์นี้ยังเป็นกระแสนิยมอย่างมากไม่เพียงแค่ในฝรั่งเศสตะวันออก สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และออสเตรีย-ฮังการีเท่านั้น เกมส์ไพ่ยังแพร่หลายในเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน หรือแม้แต่รัสเซีย จัดเป็นเกมส์ฮิตระดับนานาชาติอย่างแท้จริงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาหรือมากกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้น ดัมเมตต์ จึงสรุปได้ว่า การทำนายทายทักโดยไพ่ทาโร่ต์ เติบโตขึ้นภายหลังศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ไพ่ทาโรต์ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก 500-600 ปี ก่อน แต่มีข้อขัดแย้งในเรื่องการเป็นเจ้าของไพ่ โดยฝรั่งเศสก็อ้างว่ามีการใช้ไพ่เพื่อการพยากรณ์ ไปพร้อมกับกระแสนิยมการเล่นเกมส์ไพ่ในห้วงเวลาเดียวกัน แต่ชาวอิตาลี่จะไม่ให้ความสำคัญและยอมรับในเรื่องของการพยากรณ์ และจะโต้แย้งว่าไพ่ทาโรต์ เป็นเพียงเกมส์กลยุทธ์ที่ประเทศของตนนิยมมาตั้งแต่โบราณ และข้อโต้แย้งทั้งหมดถูกกลืนไปด้วยกระแสการพยากรณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังศตวรรษที่ 18 เมื่อชาวอังกฤษ และอเมริกา ให้ราคาไพ่ทาโรต์เป็นศาสตร์สำหรับการทำนายทายทักที่มีความแม่นยำมากที่สุดในยุคนั้น
ชาวโรมา หรือกลุ่มชนยิปซี มีแนวคิดแบบ Property Rights คือตีความว่าของทุกอย่างบนโลก เป็นสิ่งที่ประทานมาจากสวรรค์ จึงหยิบฉวยทุกสิ่งที่เห็นโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใดอย่างแท้จริง กระทั่งการหยิบฉวยเอาทรัพย์สินของคนอื่นก็ถือว่าไม่ผิด เป็นการแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ตามพื้นฐานความคิดเดิม เป็นเหตุให้เหล่ายิปซีที่ไม่มีรกรากชัดเจน ยังคงก่ออาชญากรรม และสร้างปัญหาให้กับสังคมอยู่เนือง ๆ คนเหล่านี้ไม่ชอบการเรียน โดยหลายรัฐพยายามผลักดันนโยบายส่งเสริม แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ คาดว่าอาจจะเกิดจากการไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมนั้น ๆ
ความสามารถของชาวโรมา คือการหาของใต้ดินมาปล่อยขายในราคาถูก เป็นการตอบโจทย์ของกลุ่มคนที่ชอบของดีราคาถูก ซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในโรมาเนีย และแต่ละกลุ่มจะมีผู้ปกครองของตนเอง เทียบเท่ากับกษัตริย์ประจำชนเผ่าก็ว่าได้ มองแล้วเหมือนกลุ่มอิทธิพลเล็ก ๆ ประจำเมืองไปเสียแล้ว
ชาวโรมามีนิสัยเป็นผู้รับจนเคยชิน เพราะไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปที่ใด ก็จะได้รับเงินบริจาค และการช่วยเหลือเสมอ จึงไม่รู้จักการให้ รู้จักแต่การขอ กลายเป็นว่าขอทั่วไปหมด และขอด้วยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ ขอไม่ได้ก็ลักขโมย และชอบการเดินทางไปเรื่อย ๆ รักอิสระ ย้ายถิ่นฐานด้วยรถบ้าน หรือรถม้าเทียมบ้าน กลุ่มที่ทำงานตั้งรกรากส่วนใหญ่ ก็จะเป็นการใช้แรงงานหนัก เช่น ก่อสร้าง, เก็บพืชไร่พืชสวน หรือทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ฯลฯ ซึ่งหากมองอีกภาพหนึ่ง คือชาวโรมาถูกปิดกั้นและไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ผลักดันให้บางกลุ่มชนสร้างปัญหาให้สังคมนั้น ๆ ก็เป็นได้
ประเทศสวีเดน * ชาวยิปซีถูกเรียกขานว่า "ซือยีมอาเรอ" (Zigenare) และไม่เป็นที่ต้อนรับ จนกระทั่งปี 1950 เปิดการเดินทางเสรี จึงถูกบังคับให้ทำหมัน และห้ามมีการแต่งงานกับชาวสวีเดนเด็ดขาด จนล่วงมาถึงปี 1959 ถึงได้มีสิทธิในรัฐธรรมนูญ และพำนักอยู่อย่างทัดเทียม ทั้งเรื่องของการศึกษา และการดำเนินชีวิต
สาธารณรัฐเช็ก * ไม่ส่งเสริมเรื่องการศึกษา จัดให้ไปเรียนกับกลุ่มผู้พิการทางสมอง ห้ามมิให้เรียนกับคนปกติ เหล่ายิปซีที่มีบุตร ก่อนทำการคลอดหมอจะให้เซนต์เอกสารภาษาเช็ก ซึ่งชาวยิปซีจะอ่านไม่ออก แต่ข้อกำหนดของการยินยอมให้ทำหมัน ถูกระบุไว้โดยแนบเนียน เหตุเพื่อต้องการลดประชากรชาวยิปซีนั่นเอง และยังมีกลุ่มลัทธินีโอนาซีที่ต่อต้านการเข้ามาของชาวยิปซี หลายครั้งมีข่าวรุมทำร้ายร่างกาย และเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ อย่าหวังความเป็นธรรมจากตำรวจ หรือสังคมแต่อย่างใด
ประเทศอังกฤษ * การเดินทางเสรีของ EU เปิดเมื่อปี 2007 ทำให้อังกฤษต้องออกกฎหมายชั่วคราว เรียกว่ากฎหมายสำหรับประเทศ A2 เพื่อตั้งเงื่อนไขในการที่ผู้ที่จะเข้ามาตั้งรกรากในอังกฤษ ต้องมีงานทำและมีรายได้พอเพียงโดยไม่พึ่งสวัสดิการจากรัฐ ต่อมากฎหมายตัวนี้ถูกยกเลิกไปในปี 2014 ซึ่งก็โดยเงื่อนไขข้อตกลงของ EU แต่ก็ยังคงไม่ปรากฎการอพยพอย่างล้นหลามของชาวยิปซีแต่อย่างใด อาจจะชัดเจนได้ว่า การไม่เป็นที่ยอมรับของชาวอังกฤษ ทำให้ชนเผ่ายิปซีไม่กล้าเดินทางเข้าไป และถึงจะเข้าไปได้ ก็ไม่สามารถหารายได้ทัดเทียมประเทศอื่น
ประเทศเยอรมนี * จะถูกเรียกว่า "ซีกกอยนา" (Zigeuner) มีการอพยพเข้าไปอย่างมากเมื่อมีการเปิดเสรีในปี 2005-2012 ทำให้มีผู้ต้องหาชาวโรมาเนีย (ซึ่งส่วนมากเป็นชาวยิปซีที่แฝงตัวเข้าไปในการอพยพ) สูงถึง 286% โดยเฉพาะในปี 2010-2013 มีคดีเกิดขึ้นมากมาย พบว่าผู้ต้องหาเป็นชาวบัลแกเรียเพิ่มขึ้น 47.9% และชาวโรมาเนีย (รวมถึงโรมา) สูงถึง 62%
และด้วยสาเหตุนี้ ปัญหาในเรื่องของการไม่เป็นที่ยอมรับ และนักท่องเที่ยวต้องคอยระมัดระวังตัวอย่างสูงจึงเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมของชาวโรมาบางกลุ่ม ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของท้้งหมดไม่ไปในทิศทางที่ดี ผู้เขียนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แต่ละรัฐจะสามารถปลูกจิตสำนึก และเปลี่ยนวิถีชีวิตของกลุ่มชนเหล่านี้ ให้มีคุณภาพทัดเทียมประชากรในรัฐของตนได้โดยเร็ว และในบางครั้ง การก่ออาชญากรรม อาจไม่ได้เกิดจากชาวโรมาโดยตรง แต่ด้วยพฤติกรรมที่เสียหายต่อเนื่อง จึงถูกเหมารวมไปดังนั้นก็เป็นได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น