การฝึกทรานซ์ (Trance)

(เป็นเพียงภาพประกอบบทความเท่านั้น)

การฝึกทรานซ์ (Trance)

เรียกเป็นคำไทยว่า การฝึกภวังค์เหนือจิต โดยมีลำดับขึ้นตอน ดังนี้

1. เตรียมตัวด้วยการทำความสะอาดร่างกายและจิตใจ คุณจะต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยก่อนการฝึก เพราะชาวนอร์สโบราณจะอาบน้ำ หรือลงอาบในบ่อศักดิ์สิทธิ์เพื่อชำระร่างกายและจิตใจเบื้องต้น

2. เลือกสถานที่ที่เหมาะสม ควรมีความเงียบสงัด เช่น ป่า ใกล้ลำธาร หรือในบ้านที่เตรียมพร้อม

3. เตรียมไม้คาถาเพื่อใช้ในการโฟกัสพลัง กระดิ่งเพื่อกระตุ้นการฝึก หินรูนเพื่อใช้ในเชิงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมพลัง

4. ในระบบการฝึกโบราณ ชาวนอร์สจะใช้เสียงและจังหวะเพื่อการเข้าถึงสมาธิและกระตุ้นการทำงานของจิต เช่นการตีกลองแบบซ้ำ ๆ (Rhythmic Drumming) หรือการร้องเพลงในทำนองโบราณ ซ้ำ ๆ ให้ทรงพลัง แต่สำหรับการทรานซ์ในยุคสมัยใหม่ เราใช้การออกเสียงอักขระรูนที่กำลังฝึก มุ่งเน้นการออกเสียงเต็มชัดเจน และมีพลัง

สำหรับการเริ่มต้นนั้นให้เริ่มที่ลมหายใจเหมือนการฝึกสมาธิแบบสากล คือหายใจออกผ่อนลมให้หมดกระบังลม (บริเวณท้องน้อย) แล้วดึงลมหายใจเข้าลึก ๆ ให้สุดและให้เต็ม อย่างช้า ไม่ต้องรีบ ขณะที่ดึงลมหายใจเข้า จินตภาพว่ามีอณูพลังจากห้วงจักรวาลผ่านเข้าสู่กลางศีรษะของคุณ เป็นพลังงานที่สดชื่น สวยงาม อาบไปทั่วร่างกายของคุณ และเมื่ออิ่มเอมกับพลังเหล่านั้นแล้ว ให้ปล่อยผ่านพลังดังกล่าวกลับสู่ธรรมชาติโดยการหายใจออก จินตภาพว่าพลังเหล่านั้นเคลื่อนผ่านไปสู่กลางศีรษะและแผ่ออกไปสุดประมาณ นี่คือเทคนิคการเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกเพ่งรูน ให้นำลมหายใจตามลักษณะนี้ก่อนเสมอ ซึ่งคุณจะใช้สูตร เข้า 4 วิ กักลมไว้ 4 วิ แล้วผ่อนออก 7-8 วินาที ก็ได้เช่นกัน สูตรนี้เรียกว่าการฝึกลมหายใจแบบลึกพื้นฐานที่ทางการแพทย์สนับสนุน และเป็นการปรับสมดุลลมหายใจ ผสานการทำงานของสมอง หลอดลม การสูบฉีดโลหิต และการทำงานของกระเพาะอาหาร การเผาผลาญพลังงานที่ดีอีกด้วย

5. การโฟกัสกับสัญลักษณ์รูน หรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ สามารถวาดลงบนพื้น หรือการวาดลงบนกระดาษ หรือการเพ่งที่หินรูนอักขระดังกล่าวก็ได้ โดยอาศัยการใช้จินตนาการ (Visualization) เพิ่มเติมเข้าไปด้วยการสร้างแบบจำลองของแสง รูปร่างที่เด่นชัดลอยขึ้นก็ตาม ในขณะเดียวกันคุณจะใช้เสียงเพลงกระตุ้น หรือจะใช้กระดิ่งสั่นเป็นจังหวะ หรือเป็นช่วงที่ต้องการมุ่งเน้นแรงสั่นสะเทือนภายในร่างกาย รวมถึงการเอ่ยนามของอักษระรูนซ้ำไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดคลื่นเสียงที่ทรงพลัง ในเทคนิคเหล่านี้ หากจะสรุปในมุมของเคมีภายในร่างกาย ก็เสมือนการกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวา ร่วมกับการสร้างภาพจำพร้อมกับคลื่นเสียงอักขระ เมื่อใดที่เราเอ่ยนามรูน ภาพจำเหล่านี้จะเด่นชัดขึ้นมาทันที

6. คุณสามารถวาดไม้คาถารูนไปพร้อมกันได้ เมื่อคุณเห็นอักขระรูนนั้นเด่นชัดในจินตภาพที่ซ้อนทับกับภาพจริงที่คุณวาดลงไป หรือซ้อนทับกับอักขระบนหินรูน หรือแผ่นไม้ก็ตาม ทำได้หมด ใช้ไม้คาถาวาดไปบนอักขระที่เรืองแสงเหล่านั้น พร้อมกล่าวนามของรูนไปพร้อมกัน จะช่วยกระตุ้นให้การเข้าถึงชัดเจนมากยิ่งขึ้น

7. เมื่อฝึกจนภาพสะท้อนชัดเจนแล้ว ก็จะเข้าสู่สภาวะพิเศษ คือการหลับตาอยู่ในภวังค์ จิตคนเราจะสามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ในพริบตา จึงกำหนดให้ไปนำพาพลังต้นกำเนิดแห่งรูนนั้นมาสู่ภาพสะท้อนของเรา ซึ่งในสภาะการฝึกตามลำดับขั้นดังกล่าวมานี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จในวันสองวัน ดังนั้น จงฝึกเพ่งจนเห็นภาพสะท้อนชัดเจนให้ได้เสียก่อน จึงจะเข้าสู่สภาวะทรานซ์ที่สมบูรณ์ได้ ในส่วนของพลังต้นกำเนิดรูนจะบันทึกไว้ให้ต่อจากนี้

8. สร้างจินตภาพว่าอักษรรูนที่ลอยและเรืองแสงหลังจากรับพลังต้นกำเนิดเหล่านั้น ค่อย ๆ ย่อส่วนลงและลอยเข้าสู่กลางหน้าผากของผู้ฝึก เป็นการสะสมตบะทุกครั้งในการฝึก ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญ อย่าไปคิดว่าเป็นพลังงานเข้มข้นจนจิตตก คิดว่าตัวเองแบกพลังรูนไว้ จุดตาที่สามหรือตบะกลางหน้าผากมนุษย์เปรียบเสมือนทางเชื่อมต่อของจิตวิญญาณและจักรวาล เพราะฉะนั้น การดึงกลับมาที่กลางหน้าผากไม่ใช่การแบกไว้บนหัวสมอง แต่คือการเปิดประตูสู่แหล่งสะสมพลังของเราในห้วงจักรวาล ให้เปรียบเสมือนระบบคลาวด์ที่บันทึกได้ไม่จำกัด และมีเราคนเดียวเท่านั้นที่เปิดรหัสนี้ได้ เทคนิคการน้อมนำความคิดแบบนี้เพื่อป้องกันคนที่ชักนำจิตใจผิด ชอบคิดว่าร่างกายมนุษย์สะสมพลังเหนือธรรมชาติ สุดท้ายความคิดย้อนทำร้ายตัวเอง บ้างก็ปวดศีรษะ ปวดกลางหน้าผาก อะไรใด ๆ เพราะสะกดจิตตัวเองให้เป็นไปแบบนั้น ไปให้ถูกทาง อย่าสับสน

9. กลับสู่สภาวะปกติดึงลมหายใจเข้าออกอย่างปลอดภัย หายใจลึกเพื่อโฟกัสที่ร่างกาย เคลื่อนไหวมือและเท้าอย่างเบา และออกจากการฝึก

10. ทำการจดบันทึกประสบการณ์ทุกครั้งที่ฝึก

11. กล่าวขอบคุณต่อทวยเทพหรือจิตวิญญาณ ถ้าในแบบของไทยเราก็สามารถกล่าวขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่ต่าง ๆ ก็ได้ เช่น “ข้าพเจ้าขอขอบคุณและขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผู้ปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ หากข้าพเจ้ากระทำสิ่งใดล่วงเกินพลาดพลั้งไปในการฝึก ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคือง และให้อภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” อันนี้เป็นแค่ตัวอย่าง คุณรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร ก็พูดออกไปตามนั้นไม่จำเป็นต้องท่องจำหรืออ่านแบบอาขยานนะครับ เอาที่จิตเราคิดจริง ๆ

    การฝึกเพ่งอักขระรูน และการฝึกทรานซ์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องฝึกซ้ำ และสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความเข้มแข็งทางจิต ยิ่งฝึกมากจะเข้าใจและสื่อสารกับโลกเหนือธรรมชาติได้มากขึ้น การที่เราสามารถใช้จิตเดินทางไปสู่สถานที่อื่นใดนั้น แรกฝึกจะแวบไปแวบมา เป็นธรรมชาติของจิตมนุษย์ แต่เมื่อฝึกจนชำนาญภาพเหล่านั้นและความรู้สึกทั่วสารพางค์กายจะชัดเจนมากขึ้น เสมือนจริงมากขึ้น และการพยายามฝึกนอกเหนือขอบเขตเช่นการบังคับจิตมากเกินไป ไม่ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ อาจจะทำให้คุณเห็นภาพสะท้อนวุ่นวาย หรือพาให้สับสนได้ ต้องควบคุมให้ดี อย่าไปอินกับสิ่งอื่นใดนอกจากพลังของรูนต้นกำเนิด และสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างปลอดภัยเสมอ นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เขียนไม่เคยคิดจะถ่ายทอดเรื่องราวศาสตร์เวทมนตร์แบบเจาะลึก เพราะเกรงเหลือเกินกับผู้อ่านที่พยายามเป็นผู้วิเศษเหนือธรรมชาติแล้วทำการฝึกแบบบังคับจิตจนผิดปกติ แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วที่จะเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คนี้ ก็จะเขียนให้พอสมควร ใด ๆ แล้ว คุณก็ต้องเลือกที่จะทำหรือไม่ทำตามที่คุณต้องการ เห็นควร และเหมาะสม ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณ


👇💖สนใจอ่านหนังสือE-Book แจกฟรีฉบับเต็มคลิกที่นี่👇💖

สนใจสั่งซื้อไม้คาถาไม้กายสิทธิ์สำหรับฝึกคาถารูนพร้อมคู่มือใช้งานฉบับ👇💖เต็ม(e-book)สินค้าสั่งทำรอ5-7วัน👇💖

👇💖สนใจสั่งซื้อคู่มือศึกษาอักษรรูน ที่ครบที่สุดได้ที่นี่👇💖

ความคิดเห็น

คนชอบอ่าน

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ วานส์” (QUEEN OF WANDS)

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ เพนตาเคิลส์” (QUEEN OF PENTACLES)

ความหมายของไพ่บุคคล คิง ออฟ คัพส์ (KING OF CUPS)

ความหมายของไพ่ "เดอะ เวิลด์" (THE WORLD) สอนอ่านไพ่ยิปซี