การร่ายด้วยไม้คาถารูน
การร่ายด้วยไม้คาถารูน
สำหรับการใช้ไม้คาถารูนนั้น มีหลากหลายที่สามารถยึดโยงเป็นแนวปฏิบัติให้ตนเองได้ โดยการใช้ไม้เพื่อประกอบพิธีกรรมนั้น มีมาตั้งแต่ยุคโบราณก่อนชาวนอร์ส เช่น อียิปต์โบราณ ราว 2,000 ปีก่อนคริสตกาล จนถึง ค.ศ.1000 ค้นพบ Wand of Apotropaic ที่ทำจากงาช้างในพิธีปกป้องเด็กและแม่ ซึ่งงาช้างนี้พบเห็นเป็นสัญลักษณ์เทพหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ เพื่อเพิ่มพลังป้องกัน
ต่อมาในยุคกรีก-โรมัน ราว 800 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ.400 เช่น Hermes/Mercury ที่ถือ Caduceus หรือคทาที่มีงูพัน อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ การสื่อสาร หรือจะเป็น Hecate และหมอผีที่ใช้ไม้คาถาในพิธีเรียกวิญญาณและทำ Divination
ในส่วนของไม้คาถาในแบบนอร์สนั้น ถูกใช้โดยแม่มดหญิงโวลลา หรือเซธร์มาธ เพื่อใช้ทำนายอนาคต หรือร่ายเวทมนตร์ตามวิชาของสำนักของตนรวมถึงเหล่าวิทกิ (Vitti) ที่ใช้คาถารูนอย่างชาญฉลาด และมีการขุดค้นพบที่ Oseberg ประเทศนอร์เวย์ ราว ค.ศ.834 เป็นไม้คทาเหล็ก (Iron Staff) ในหลุมศพของโวลวา มีหลักฐานเป็นบันทึกว่ามีการใช้งานจริง
อีกทั้งการใช้ไม้คาถาไม่ใช่ส่วนประกอบหลักหรือต้องมีสำหรับผู้ทำพิธีเสมอไป เป็นเพียงทางเลือกเฉพาะสำนัก หรือการส่งต่อในสำนักใดสำนักหนึ่ง ซึ่งระบบการใช้ไม้ร่ายเวทมนตร์ของชาวนอร์ส จะแบ่งออกเป็น
1. seiðstafr เซธสตัฟ ซึ่งถูกใช้ในเวทมนตร์เซธร์ Seiðr อันเป็นเวทมนตร์โบราณของชาวนอร์ส เล่ากันว่าสืบทอดมาจากเทพี Freyia แห่งตระกูล Vanir ไม่ถ่ายทอดให้สุภาพบุรุษ ยกเว้นมหาเทพโอธินน์คนเดียวเท่านั้นที่ได้ร่ำเรียนวิชานี้ และเป็นข้อยกเว้น หากผู้ชายฝึกเวทมนตร์เซธร์ จะถูกมองว่าเป็นผู้ผิดเพศ เรียกว่า Ergi หมายถึงเสื่อมเกียรติ เพราะเป็นศาสตร์ที่ต้องยอมรับให้วิญญาณหรือพลังงานภายนอกเข้าครอบงำ ซึ่งการเรียนรู้เวทมนตร์เซธร์ของชาวนอร์ส คือการใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงดวงชะตา การเข้าทรานซ์ (Trance & Ekstasis) หรือภาวะจิตเปลี่ยนเพื่อก้าวออกจากตัวเองเพื่อหลอมรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง หรือถอดจิตในภาษาบ้านเรา การทำนายอนาคตในลักษณะสื่อสารกับวิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพเจ้า รูปแบบเดียวกับร่างทรงองค์เทพในบ้านเรา คือเข้าภวังค์และเห็นภาพนิมิต โดยแม่มดโวลวา Völva ที่มีการใช้วิชาเซธร์หลากหลายรูปแบบ นอกจากการทำนายอนาคต ยังมุ่งเน้นฝึกจิตเพื่อการเดินทางของวิญญาณ เพื่อเข้าถึงโลกทั้งเก้าตามรูปแบบดั้งเดิมของต้นอิกดราซิล Yggdrasill อาจจะเพื่อขอคำตอบบางอย่างจากสัตว์ผู้พิทักษ์ บรรพชน หรือเทพเจ้าก็ตาม อีกทั้งยังใช้เพื่อการรักษา ถอนพิษ เสริมพลังชีวิต ใช้เพื่อควบคุมดวงชะตาโดยการแทรกแซงเส้นด้ายแห่งโชคชะตาที่เทพี Norns ทั้งสามควบคุมอยู่ การผูกวิญญาณกับพลังงาน หรือคนผู้มีอำนาจ การติดต่อกับผู้ตาย สิ่งเร้นลับ เวทมนตร์เซธร์นี้ จึงจัดได้ว่าเป็นเวทมนตร์ชั้นสูง ที่ผู้ชายก็อยากร่ำเรียน ใครมีโอกาสได้เรียน จะเรียกตัวเองว่า Seiðrmaðr เซธร์มาธ แปลว่าบุรุษผู้ใช้เวทมนตร์นั่นเอง หรือสำหรับสตรี จะมีคำที่กว้างกว่าโวลลา เรียกว่าเซธร์โกน่า Seiðkona สตรีเหล่านี้จะมุ่งเน้นการเข้าสมาธิแบบทรานซ์เพื่อทำพิธี อาจจะไม่ได้รับการยอมรับเท่าโวลลา Völva หญิงพยากรณ์ที่มีคทาศักดิ์สิทธิ์ และมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่านั่นเอง
2. Galdrstafr กัลด์สตัฟ หรือ Rúnakefli รูนาเคฟลิ โดยที่กัลด์สตัฟเป็นลักษณะของไม้สำหรับร่ายคาถา และรูนเคฟลิ เป็นลักษณะของไม้ที่แกะสลักหรือจารอักษรรูน เพื่อใช้ประกอบเชิงเวทมนตร์ หรือร่ายคาถาด้วยก็ตาม ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะถ่ายทอดในหนังสือเล่มนี้ และในยุคโบราณ เมื่อมีการแพร่หลายการใช้งานเวทมนตร์รูน เหล่าโวลลาและเซธร์มาธ ก็นำไปผสมผสานกับศาสตร์เวทมนตร์เซธร์ดั้งเดิมเช่นเดียวกัน
สาเหตุของเวทมนตร์เซธร์ไม่ได้นำมากล่าวถึงมากนัก เนื่องจากมีการใช้หลายทิศทาง และต้องมุ่งเน้นไปทางด้านจิตวิญญาณ การเข้าสู่ ทรานซ์หรือภวังค์แบบลึกจนอาจจะถึงขั้นเสียอัตตา หรือขาดสติโดยสิ้นเชิง กลายเป็นร่างทรงองค์เทพเจ้านอร์สไปเสียอีก อีกทั้งเวทมนตร์เซธร์อาจมีสูตรการฝึกดั้งเดิมที่ไม่ถ่ายทอดสู่สากลอย่างแท้จริง หรืออาจผิดเพี้ยนไปตามยุคสมัยก็เป็นไปได้ เรียกว่ายากที่จะเข้าถึงมากกว่าเวทมนตร์รูนหลายเท่าตัวนัก จึงยกรูปแบบโครงสร้างเวทมนตร์แบบ Ritual Seiðr Reconstructionist ประยุกต์ ผสมผสานการฝึกเวทมนตร์รูน ก็จะมีการฝึก ทรานซ์พื้นฐานเหมือนกัน เป็นแนวทางที่ปลอดภัยและไม่อันตรายเท่าเซธร์โบราณ หรือจะเรียกเวทมนตร์รูนว่า Galdr กัลดร์ ก็ได้ หรือจะออกเสียงว่ากัลเดอร์ ตามการอ่านของแต่ละท้องถิ่นก็ได้ บางตำราเรียกไม้คาถารูนว่า Gandr กันดร์ หรือกานเดอร์ ตามการถอดเสียงแบบอังกฤษสมัยใหม่ก็มี ซึ่งแปลว่า พลังลึกลับ เส้นพลัง หรืออาวุธเวทมนตร์ การจำกัดความไปถึงไม้กายสิทธิ์หรือแท่งเวท หรือสิ่งที่มีพลังเวทก็สามารถใช้ได้เช่นกัน สำหรับผู้ใช้คาถารูนนั้น จะถูกเรียกว่าวิทกิ Vítki หญิงจะเรียกว่า วิทกา Vítka รวมกลุ่มกันเรียกว่าวิทการ์ Vitkar (รูปพหูพจน์) หมายถึงผู้รอบรู้ในการใช้เวทรูน
ไม้คาถาในยุคต่อมาคือยุคกลาง คริสตจักรตีความไม้คาถาว่าเป็นของแม่มดหมอผี (Witch’s staff) มีการล่าแม่มด กล่าวหาผู้หญิงที่ใช้ไม้คทา หรือไม้คาถาว่าเป็นสื่อนำปีศาจ หรือขายวิญญาณให้ปีศาจ ตามเอกสารใน Malleus Maleficarum ค.ศ.1487 ไม้คทาหรือไม้คาถากลายเป็นเครื่องมือเวทมนตร์ต้องห้าม
ต่อมายุคใหม่สำหรับนักมายาศาสตร์ นับตั้งแต่ ค.ศ.1500 จนถึงปัจจุบัน เรียกว่าเป็นยุคฟื้นฟูเวทมนตร์ตะวันตก นักเล่นแร่แปรธาตุใช้ไม้คาถาเพื่อเชื่อมต่อกับธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ในพิธีเวทแทบทุกสำนัก (แต่ไม่ทั้งหมด) จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ยุค Modern Esoteric โดยองค์กรที่มีบทบาทด้านเวทมนตร์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Hermetic Order of the Golden Dawn พัฒนารูปแบบไม้คาถาหรือไม้คทาให้มีสีและสัญลักษณ์แทนธาตุอย่างชัดเจน
เกี่ยวกับคณะภราดรภาพเฮอร์เมติกแห่งรุ่นอรุณสีทองนี้ เป็นองค์กรลับทางจิตวิญญาณและเวทมนตร์ตะวันตกที่มีชื่อเสียงในยุคปลายศตวรรษที่ 19 ก่อตั้งโดย William Wynn Westcott 1848-1925 แพทย์และนักสืบสวนชาวอังกฤษ Samuel Liddell MacGregor Mathers 1854-1918 นักเวทมนตร์และนักอักษรศาสตร์ยุควิคตอเรีย William Robert Woodman 1828-1891 แพทย์และสมาชิก Freemason ในยุครุ่งเรืองช่วงปี 1890-1900 สมาชิกผู้โด่งดังอย่าง Arthur Edward Waite ผู้จัดสร้างไพ่ทาโรต์สำรับไรเดอร์เวทหรือ Aleister Crowley นักเวทมนตร์และนักปรัชญาลึกลับ ซึ่งต่อมาก็ได้แยกตัว แยกสายกันออกไป แต่ก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานจนถึงปัจจุบัน
👇💖สนใจอ่านหนังสือE-Book แจกฟรีฉบับเต็มคลิกที่นี่👇💖
สนใจสั่งซื้อไม้คาถาไม้กายสิทธิ์สำหรับฝึกคาถารูนพร้อมคู่มือใช้งานฉบับ👇💖เต็ม(e-book)สินค้าสั่งทำรอ5-7วัน👇💖
👇💖สนใจสั่งซื้อคู่มือศึกษาอักษรรูน ที่ครบที่สุดได้ที่นี่👇💖
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น