ถ้ำศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่โบราณ กับตำนาน "ถ้ำผาไท" อ.งาว จ.ลำปาง
ถ้ำผาไท ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านหวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่มีความลึกประมาณ 1,150 เมตร โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ประมาณ 450 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านหน้าเพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองถ้ำ
อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทมีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอเมืองลำปาง อำเภอแจ้ห่ม และอำเภองาว จังหวัดลำปาง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังที่อุดมสมบูรณ์
สำหรับตำนานถ้ำผาไท เล่ากันว่า ในอดีตกาล มีชายชราชื่อ “ปู่ผา” อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาแถบนั้น ปู่ผาเป็นผู้มีวิชาและชอบใช้ชีวิตสงบในป่า เขามักจะเข้าไปในถ้ำเพื่อปฏิบัติธรรม จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น — แสงสว่างเรืองรองออกมาจากภายในถ้ำ และมีเสียงคล้ายเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สวดมนต์
ผู้คนจึงเริ่มศรัทธาและเชื่อว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่สถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดา จึงเรียกกันว่า “ถ้ำปู่ผา” หรือ “ถ้ำผาไท” หมายถึง ถ้ำของผา (ชื่อคน) ที่กลายเป็นตำนาน และชื่อของถ้ำก็เพี้ยนมาเป็น “ผาไท” ในภายหลัง
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า : บริเวณถ้ำผาไทเคยเป็นที่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองที่เรียกตนเองว่า “ไท” ที่อพยพมาอาศัยอยู่บนภูผา วันหนึ่งเกิดความขัดแย้งภายใน ทำให้ชนเผ่านี้หายสาบสูญไปในถ้ำ และไม่มีใครพบเห็นอีก จึงเรียกที่แห่งนี้ว่า “ผาไท” (แปลว่า ผาของชาวไท)
ผู้คนจึงเริ่มศรัทธาและเชื่อว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่สถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดา จึงเรียกกันว่า “ถ้ำปู่ผา” หรือ “ถ้ำผาไท” หมายถึง ถ้ำของผา (ชื่อคน) ที่กลายเป็นตำนาน และชื่อของถ้ำก็เพี้ยนมาเป็น “ผาไท” ในภายหลัง
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า : บริเวณถ้ำผาไทเคยเป็นที่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองที่เรียกตนเองว่า “ไท” ที่อพยพมาอาศัยอยู่บนภูผา วันหนึ่งเกิดความขัดแย้งภายใน ทำให้ชนเผ่านี้หายสาบสูญไปในถ้ำ และไม่มีใครพบเห็นอีก จึงเรียกที่แห่งนี้ว่า “ผาไท” (แปลว่า ผาของชาวไท)
ตำนานที่เกี่ยวข้องกับพญานาค : ในอดีตนานมาแล้ว พื้นที่บริเวณถ้ำผาไทเคยเป็น เมืองโบราณ ใต้บาดาลที่ปกครองโดย “พญานาคเจ้าผาไท” ซึ่งเป็นพญานาคผู้ทรงฤทธิ์ ผู้ดูแลทรัพยสมบัติและแม่น้ำลำธารในเขตแดนล้านนา
พญานาคเจ้าผาไท มีรูปลักษณ์งดงามและสง่า มักจำแลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงามขึ้นมาเฝ้าสังเกตการณ์มนุษย์ และเพื่อสื่อสารกับนักบวชหรือผู้มีจิตศรัทธาที่บริสุทธิ์
วันหนึ่ง...
มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งล่วงล้ำเข้าไปในถ้ำผาไทเพื่อแสวงหาทรัพย์สมบัติ พวกเขาทำลายหินงอกหินย้อยและลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พญานาคเจ้าผาไทโกรธและ สาปให้ทางเข้าถ้ำปิดลงบางส่วน และหากใครคิดไม่บริสุทธิ์ใจจะ “หลงทางภายในถ้ำ” ไม่สามารถหาทางกลับออกมาได้
ต่อมา เมื่อเวลาผ่านไป ชาวบ้านที่มีศรัทธาจึงได้สร้าง ศาลพญานาคเจ้าผาไท ไว้ที่บริเวณทางเข้าถ้ำ พร้อมกับจุดธูปบูชาทุกวันพระ และเชื่อว่าหากผู้ใดมากราบไหว้ขอพรด้วยความศรัทธา พญานาคจะประทานโชคลาภหรือช่วยเหลือจากภัยอันตราย
พญานาคเจ้าผาไท มีรูปลักษณ์งดงามและสง่า มักจำแลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงามขึ้นมาเฝ้าสังเกตการณ์มนุษย์ และเพื่อสื่อสารกับนักบวชหรือผู้มีจิตศรัทธาที่บริสุทธิ์
วันหนึ่ง...
มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งล่วงล้ำเข้าไปในถ้ำผาไทเพื่อแสวงหาทรัพย์สมบัติ พวกเขาทำลายหินงอกหินย้อยและลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พญานาคเจ้าผาไทโกรธและ สาปให้ทางเข้าถ้ำปิดลงบางส่วน และหากใครคิดไม่บริสุทธิ์ใจจะ “หลงทางภายในถ้ำ” ไม่สามารถหาทางกลับออกมาได้
ต่อมา เมื่อเวลาผ่านไป ชาวบ้านที่มีศรัทธาจึงได้สร้าง ศาลพญานาคเจ้าผาไท ไว้ที่บริเวณทางเข้าถ้ำ พร้อมกับจุดธูปบูชาทุกวันพระ และเชื่อว่าหากผู้ใดมากราบไหว้ขอพรด้วยความศรัทธา พญานาคจะประทานโชคลาภหรือช่วยเหลือจากภัยอันตราย
บางตำนานกล่าวว่า พญานาคองค์นี้เคยขึ้นมาจากแม่น้ำยม เพื่อมาพำนักในถ้ำ เนื่องจากภายในถ้ำมีโพรงลึกซับซ้อนคล้ายกับทางเดินสู่เมืองบาดาล และในคืนวันพระใหญ่ บางคนในชุมชนกล่าวว่า เคยเห็นแสงลึกลับลอยออกมาจากปากถ้ำ และเชื่อว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค
ถ้ำผาไทมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เคยเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และได้ทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ "ปปร." ไว้เป็นหลักฐานที่บริเวณโถงปากทางเข้าถ้ำ
ในด้านธรณีวิทยา ถ้ำผาไทเกิดจากการกัดเซาะของน้ำในภูเขาหินปูน ซึ่งมีอายุไม่น้อยกว่า 9 ล้านปี ภายในถ้ำพบหินงอกหินย้อย เสาหิน และแร่แคลไซต์ (calcite) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังพบหินเถ้าภูเขาไฟอายุกว่า 15 ล้านปี ซึ่งบ่งบอกถึงความเก่าแก่ของถ้ำแห่งนี้
ภายในถ้ำ หากไปเที่ยวช่วงหน้าร้อน เวลาสายถึงเที่ยง แสงอาทิตย์จะสาดส่องผ่านปล่องของผนังถ้ำด้านบน เกิดเป็นแสงส่องลงมาสู่พื้นถ้ำ 3 สายด้วยกัน จึงถูกขนานนามว่า "ไตรรังสี" ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับการมาเยือนถ้ำแห่งนี้
ถ้ำผาไทยังเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวหลายชนิด เช่น ค้างคาวหน้ายักษ์ทศกัณฐ์ (Hipposideros armiger) ซึ่งมีลักษณะเด่นที่แผ่นหนังรอบจมูกจำนวน 4 แผ่น และกินแมลงปีกแข็งเป็นอาหาร
ถ้ำผาไทจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และธรณีวิทยา เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาและสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน#ถ้ำผาไท #เที่ยวอำเภองาว #เที่ยวลำปาง
ถ้ำผาไทจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และธรณีวิทยา เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาและสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน#ถ้ำผาไท #เที่ยวอำเภองาว #เที่ยวลำปาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น