"คนสอนธรรม" ผู้เปี่ยมด้วยอัตตาและวาจากระแทกแดกดัน จะสัมฤทธิ์ผลกับการแผยแผ่ธรรมะแบบไหน?
“จิตหลุดพ้นจริง” เรียกได้ว่าเป็นอริยบุคคล เมื่อเทียบกับ “แค่รู้ เข้าใจธรรม แต่ยังไม่พ้น” เรียกว่าโลกียปัญญา
หากจิต “หลุดพ้นแล้วจริง” จนถึง “อริยมรรค อริยผล”
“พฤติกรรมหยาบคาย” ย่อมลดลงและดับไปตามลำดับ
เพราะจิตหลุดพ้นคือจิตที่ไม่ถูกครอบงำด้วย ราคะ โทสะ โมหะ อีกต่อไป
ดังนั้น
ถ้าผู้ใด ยังมีการสอนธรรมแบบใช้อารมณ์รุนแรง กระแทกแดกดัน หรือพูดคำหยาบอย่างดำรงสติมั่น และดันทุรังไม่เจตนา
นั่นคือ สัญญาณว่าจิตยังไม่หลุดพ้น หรือ ยังไม่ใช่อริยบุคคลโดยสมบูรณ์ แต่ในฐานะของผู้มีโลกียปัญญาก็สามารถเผยแผ่ธรรมได้ เพียงแต่ !!
📌 1. นิพพาน คือ ความดับของกิเลส
ไม่ใช่แค่ "เข้าใจธรรม" หรือ "พูดธรรมะได้" จะสอนเรื่องนิพพาน แต่ยังเข้าไม่ถึง ไม่เจริญวิปัสสนากรรมฐานจนถึงฌาน นิพพานก็เป็นแค่คอนเซปต์
แต่มิใช่ “ความหมดสิ้นของอัตตา” และ “ความบริสุทธิ์ของเจตนา”
📌 2. ผู้เป็นอริยบุคคล แม้ไม่สมบูรณ์ในรูปแบบ แต่บริสุทธิ์ในจิต
พฤติกรรมภายนอกอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% ทันที
แต่ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ขับเคลื่อนจาก "โทสะ" หรือ "อัตตา"
📌 3. การพูดคำหยาบโดยไม่มีเจตนาเมตตา ไม่ใช่หนทางแห่งมรรค ดังที่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ว่า “วาจาสุภาษิต” นั่นหมายถึง คำพูดดี มีเมตตา ไม่แทงใจผู้อื่นเกินควร ตราบใดที่ยังพูดทิ่มแทงใจใครจะโดยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ อ้างว่าหยอกล้อเล่นสร้างคอนเทนต์ใดก็ตาม จัดว่าเป็น วาจาทุพภาษิต (ทุ = ชั่ว, ภาษิต = คำพูด) นั่นหมายรวมถึง คำพูดหยาบ ชั่วร้าย ไม่น่าฟัง กล่าวร้าย พูดด้วยอารมณ์โกรธ เหยียดหยาม หรือทำร้ายใจผู้อื่น
แม้บางครั้งพระองค์กล่าวตรง ๆ กับผู้หลงผิด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้ เพราะคำหยาบและอากัปกิริยาของคนสมัยนี้ กับสมัยพุทธกาลอาจเปรียบเปรยได้ไม่เต็มปาก เหตุเพราะ "พุทธศาสนาเกิดขึ้นที่อินเดียโบราณ" คุณไม่อาจมั่นกล่าวหาว่าพุทธองค์ก็เคยพูดคำหยาบตำหนิใครด้วยคำเปรียบเทียบรุนแรงเป็นวัวเป็นควาย .... บริบทมันอาจต่างกันโดยสิ้นเชิง หรือคุณเข้าใจภาษามคธแม่นเวอร์จึงกล้าโพนทะนา
ในกาลนั้น พุทธองทรงใช้คำเปรียบเทียบด้วย เจตนาเมตตา ไม่มีโทสะแม้แต่น้อย (คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะมีสภาวะอารมณ์บริสุทธิ์เยี่ยงพระพุทธเจ้า จึงแสดงอาการโกรธเกรี้ยวฟาดงวดฟาดงาออกสื่อได้แบบไร้เจตนาอย่างแท้จริง?)
🔍 ตัวอย่างในพระไตรปิฎก:
🔸 พระพุทธเจ้าตรัสถึงลักษณะของ “พระอรหันต์” : “ผู้ใดหมดความโกรธแล้ว ไม่ด่าว่า ไม่กล่าววาจารุนแรง ไม่ถือตัว...”
📜 ธรรมบท
🔸 และยังตรัสว่า : “ผู้ใดยังกล่าวถากถาง ด่าทอ ประณาม แม้ด้วยธรรมะ – ผู้นั้นยังมีกิเลสแฝงอยู่”
📜 องฺคุตฺตรนิกาย
"จริยธรรมแห่งการเผยแผ่ธรรม" ควรพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาทั้งในแง่ หลักพระพุทธศาสนา และ คุณธรรมพื้นฐานของผู้สอนธรรมะ
✅ กล่าวได้ว่า : ผู้ใดใช้ถ้อยคำหยาบคาย กระแนะกระแหน เปรียบเปรยรุนแรง แม้จะอ้างว่า “ไม่มีเจตนาโกรธ” ก็ตาม ย่อมไม่สอดคล้องกับการสอนธรรมะในแนวทางของพระพุทธเจ้า เพราะขัดกับ “สัมมาวาจา” และ “เมตตาวาจา” ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของอริยมรรค
🔍 เหตุผลตามหลักธรรม :
🔹 1. พระพุทธเจ้าตรัสว่า วาจาที่ไม่สุภาพ = วาจาทุพภาษิต
“วาจาทุพภาษิต ย่อมทำให้จิตหยาบ แข็ง และไม่เปิดทางสู่ธรรม”
🔹 2. ผู้สอนธรรมต้องเป็นผู้ “มีวาจาสุภาษิต”
พระองค์ทรงใช้คำว่า "สุภาษิตา วาจา" หรือ “ภาษาที่งาม เหมาะแก่กาล เต็มด้วยเมตตา และกล่าวด้วยจิตหวังดี”
📜 องฺคุตฺตรนิกาย
🔹 3. แม้พูดจริง แต่ถ้าทำให้ผู้ฟังเจ็บใจ ก็ไม่ใช่ธรรมที่สมควรแก่กาล
🔥 แล้วถ้าอ้างว่า "พูดหยาบเพื่อให้สะเทือนใจ สะกิดสติ" ล่ะ?
📌 พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้วิธีนี้ ***
แม้ทรง “พูดตรง” กับผู้มีทิฐิ เช่น เดียรถีย์ หรือพระเทวทัต
แต่ยังใช้คำที่ สุภาพและตรงไปตรงมาโดยไร้อารมณ์โกรธ ***
ผู้ที่อ้างว่า “หยอกเล่น” “ไม่มีเจตนาโกรธ” แต่ใช้คำว่า “กู–มึง”, ด่า “โง่” บ่อย ๆ มักแสดงว่า จิตใต้สำนึกยังมีโทสะ หรืออัตตาแฝง ซึ่งไม่ใช่วิถีของผู้เผยแผ่ธรรมะในพุทธศาสนา
📌 พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้วิธีนี้ ***
แม้ทรง “พูดตรง” กับผู้มีทิฐิ เช่น เดียรถีย์ หรือพระเทวทัต
แต่ยังใช้คำที่ สุภาพและตรงไปตรงมาโดยไร้อารมณ์โกรธ ***
ผู้ที่อ้างว่า “หยอกเล่น” “ไม่มีเจตนาโกรธ” แต่ใช้คำว่า “กู–มึง”, ด่า “โง่” บ่อย ๆ มักแสดงว่า จิตใต้สำนึกยังมีโทสะ หรืออัตตาแฝง ซึ่งไม่ใช่วิถีของผู้เผยแผ่ธรรมะในพุทธศาสนา
📌 ข้อวินิจฉัย:
1. ลักษณะขัดกับธรรมข้อไหนใช้คำว่า "กู–มึง" ขัดกับ สัมมาวาจา และ สัมมาสังกัปปะ (เจตนาเมตตา)
2. ด่าคนว่า "โง่" ขัดกับ วาจาสุภาษิต, สร้างความดูถูก ไม่เมตตา
3. กระแนะกระแหน เสียดสี ขัดกับ การมีเมตตาจิต, เป็น “วจีกรรม” ที่ปรุงด้วยโทสะ
4. อ้างว่า “แค่ล้อเล่น” แสดงว่า ขาดสติ ขาดสัมมาทิฏฐิ ต่อผลของกรรมทางวาจา
✳️ สรุป:
สอนธรรมะโดยใช้คำหยาบรุนแรง ถือว่าได้ไหม?
❌ ไม่สอดคล้องกับพุทธศาสนา
แม้อ้างว่าไม่มีโทสะ แต่ยังพูดกระแทกแดกดัน?
แม้อ้างว่าไม่มีโทสะ แต่ยังพูดกระแทกแดกดัน?
❌ แสดงว่า “จิตยังมีโทสะแฝง”
ผู้สอนธรรมะควรมีคุณสมบัติใด?
ผู้สอนธรรมะควรมีคุณสมบัติใด?
✅ สุภาษิตวาจา มีเมตตา ตรงไปตรงมาโดยไม่ทำร้ายใจ
ปลูกต้นอย่างไรได้ผลอย่างนั้น ให้สังเกตุพฤติกรรมของคนทั่วไปที่ใช้กิริยาวาจาเหมือนไอดอลในการตอบโต้ทางโซเชียล ช่างเป็นยุคเสื่อมทรามบนคราบนักปรามความงมงายเสียเหลือเกิน ถ้าเพียงแค่ตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีงามตามแบบชาวพุทธ ผู้เจริญด้วยอารยธรรมนับแต่โบราณ เพียงเท่านี้ยังเป็นไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับเจ้าลัทธิใหม่ที่ประพฤติตนเหนือกว่าพระพุทธเจ้า เพราะไม่เอาคำสอนพุทธองค์มานำทางปฏิบัติให้ตนเอง แต่เอาทฤษฎีมาตีแผ่และโจมตีสิ่งนอกรีต นอกกรอบความคิดตัวเองเท่านั้น ใช่หรือไม่?
นี่เป็นเพียงคำถามในใจของนักเขียนตัวเล็ก ๆ ที่เห็นความเปลี่ยนไปในสังคม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น