ความเชื่อพื้นฐานของแต่ละท้องถิ่นมีอิทธิพลสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะแผ่นดินไทย ที่รับเอามาหลากหลายอารยธรรม หลากหลายศาสนา แต่ที่จะมีอิทธิพลที่สุดก็คงหนีไม่พ้นอินเดียโบราณ ทั้งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาพุทธ สลับสับเปลี่ยนเวียนกันเข้ามาหลายห้วงเวลา รวมทั้งพิธีกรรมความเชื่อเรื่องของการนับถือผี นับถือบรรพบุรุษ ก็เป็นอิทธิพลสำคัญของการกราบไหว้เทวรูปวีรกษัตริย์ทั้งหลายเช่นเดียวกัน
คนโบราณมักจะกล่าวว่า กษัตริย์ก็เปรียบเสมือนสมมุติเทพ เป็นผู้มีบุญมาเกิดเพื่อปกปักรักษาคุ้มครองบ้านเมือง ดังนั้น เมื่อกษัตริย์หรือวีรบุรุษ วีรสตรีก็ตาม สิ้นอายุขัยลงไปแล้ว จะต้องมีเทวรูปไว้สำหรับระลึกถึง กราบไหว้บูชา ขอพรให้ปกปักรักษาคุ้มครองบุตรหลาน ประชาชน หรือเหล่าบริวารทั้งหลาย นั่นเป็นไปตามกลไกความเชื่อที่ว่า เมื่อคนเหล่านั้นสิ้นชีพลง ดวงวิญญาณจะไปเกิดเป็นเทวดาตามภพภูมิเดิม และจะต้องทำหน้าที่ในการดูแลรักษาพวกพ้องวงศ์วานของตนสืบต่อไป
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ขัดต่อหลักคำสอนในเรื่องภพภูมิของพุทธศาสนาเท่าใดนัก เพราะจิตที่แตกดับแล้ว ไปเกิดเป็นเทวดาตามกุศลผลบุญ หรือกรรมบันดาลก็ตาม อาจเป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ตามวัฎสงสาร แต่ก็อาจจะมีคนสงสัยเหมือนผมว่า แล้วพระเจ้าแผ่นดิน หรือนักรบหลายท่าน ที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนนับร้อยนับพัน นักรบเหล่านั้นจะผิดบาป และจะต้องตายตกไปตามกรรมของตน สมควรชดใช้กรรม ทำไมจึงถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ คำตอบส่วนนี้ ในมุมของพุทธศาสนามองที่ "เจตนา" หากการฆ่าศัตรูนั้นเพื่อเป็นการปกป้องพระศาสนา ปกป้องบ้านเมือง คนโบราณจะตีค่าว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้ฆ่าเพื่อความสะใจเหมือนกองโจรปล้นสะดม ถ้าจะหลุดจากบาปกรรมของการปาณาติบาตก็ยังไม่พ้น แต่บุญกุศลของการเสียสละตนเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินนั้นคำจุนให้ไปกำเนิดในภพภูมิเทวดาเบื้องล่าง เพื่อปกป้องรักษาบ้านเมืองต่อไป และเมื่อมีคนกราบไหว้บูชาด้วยจิตศรัทธาอันแรงกล้า จึงเกิดเป็นรูปลักษณ์ในมิติวิญญาณขึ้น ตามความเชื่อเรื่องมิติหลังความตายนั่นเอง

ผิดบาปอะไรถ้าชาวพุทธจะกราบไหว้เทวรูป? ... เป็นการด้อยค่าทางความเชื่อที่คิดว่าความรู้ของตนเหนือกว่าเท่านั้นครับ การเป็นชาวพุทธ แล้วจะยกมือกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาฟ้าดิน ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไรเลยแม้แต่น้อย การแสดงความเคารพนอบน้อม รำลึกถึง หรือจะขอพร ก็ไม่ได้ผิดบาปอะไร มันเป็นการแสดงเจตจำนงของผู้คน แต่ที่ประเด็นนี้ถูกมองว่าผิดในปัจจุบัน ก็เพราะการยึดโยงสร้างดราม่าจากกลุ่มผู้แสวงหาโชคลาภ ผู้ศรัทธาและยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อให้พรของตนสำเร็จ หรือผู้ที่คาดหวังโดยที่ไม่แสวงหาและเพียรพยายาม ซึ่งคนเหล่านั้นเรามองข้ามไม่ได้ว่ามีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย แต่ถ้าจะมองในมุมของคำสอน การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิด ส่วนจะบาปหรือไม่ล้วนอยู่ที่เจตนา ถ้าไหว้พระนเรศวรแล้วขอพรว่าจะไปเบียดเบียนใคร หรือสาปแช่งใคร แบบนั้นก็บาปที่ใจสร้างมโนกรรม ถ้าขอว่าอยากรวย อยากมีโชคลาภ นั่นก็รอพึ่งวาสนาตน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จะบาปได้อย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อคิดว่า ถ้ายึดเอาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็จะไม่พบทางพ้นทุกข์ ซึ่งนั่นคือสัจธรรม และต้องห้ามสำหรับพระสงฆ์ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ปุถุชนทั่วไป จึงไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะไปเคารพบูชาเทวรูปใด ๆ ในจักรวาล และแน่นอนว่าในมุมของฆราวาสทั่วไป จะกราบไหว้บูชาสิ่งอื่นใดในจักรวาลก็ไม่ผิดไม่บาป กลับกันคือสะท้อนถึงความนอบน้อมถ่อมตนเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องดูเป็นกรณีไปนะครับ อะไรที่ไม่เกินไป มันก็ดูงาม อะไรที่มากไปมันก็ดูเปลืองและภาระเท่านั้นเอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เชื่อเหลือเกินว่า ทุกคนที่เป็นชาวพุทธ จะด้วยบัตรประชาชน หรือปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมตามคำสอนก็ตาม ล้วนเชิดชูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้สูงสุดเป็นสรณะเสมอ ถ้าจะเปรียบเป็นขั้นบันได มีพระรัตนตรัยอยู่เบื้องบน รองลงมาจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล ความศรัทธา ความชอบ เรื่องนี้ไม่ควรติเตียนกัน ควรพูดในกลุ่มผู้แสวงธรรมเพื่อการหลุดพ้นเท่านั้น ใช้กับทุกคนไม่ได้
เมืองไทยเมืองพุทธ คำนี้เราคงได้ยินจนชินหูเพราะเป็นคำพูดติดปากไปทั่วทุกสารทิศ แต่สิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ คือรากฐานอารยธรรมนั้นหลอมรวมมานับแต่โบราณกาล แต่ปัจจุบันกำลังถูกกลืนกินด้วยกระแสพุทธวจน ว่าสิ่งนั้นไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ความเชื่อแบบนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน พอมีใครกราบไหว้เทวรูปอื่นใดนอกเหนือจากพระรัตนตรัย จึงกลายเป็นถูกตราหน้าว่าเป็นชาว "พุทธไม่แท้" หรือถูกกระแนะกระแหนด้วยคำว่า "พุทธตามบัตรประชาชน" คือหมายความว่า แค่เกิดมาแล้วนายทะเบียนใส่ศาสนาพุทธ โดยที่ผู้ถือบัตรไม่มีความเข้าใจเลยว่า อะไรควรกราบไหว้ หรืออะไรไม่ควรบูชา สิ่งที่เหล่าสาวกคำสอนในแบบอ้างอิงพุทธวจน อย่างเดียวนั้น จ้องจับผิดเพียงแค่เรื่องความเชื่อมาเป็นประเด็นสร้างดราม่า โดยมองข้ามจริยธรรมที่ดีงามไปเท่านั้น เขาเหล่านั้นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พระธรรมคำสอนที่พึงปฏิบัติในฐานะปุถุชนคนธรรมดามีอะไรบ้าง และตัวเขาเองทำอะไรบ้าง เช่น ศีล 5 มีครบหรือยัง, กตัญญูหรือยัง, เมตตาหรือยัง, วจีสุจริตหรือยัง, มโนสุจริตหรือยัง, กายสุจริตหรือยัง ฯลฯ คนเหล่านี้ไม่มุ่งเน้นหลักพื้นฐานเพื่อดำรงชีพ แต่กระโดดข้ามจะไปนิพพานเสียอย่างเดียว พูดแต่เรื่องทุกข์, เหตุแห่งทุกข์ และการดับทุกข์ ในขณะที่ไม่ได้วิปัสสนา ไม่กรรมฐาน และไม่พิจารณาทุกข์อย่างแท้จริง ไถฟีด ติดโซเชียล เสพแต่กามารมณ์ แต่พอเห็นคนกราบไหว้บูชาเทพ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รีบออกมาโต้ว่าคนเหล่านี้พุทธไม่แท้ จิกกัดเหน็บแนมอวดตน อวดฉลาด อวดว่าตนรู้ ตนอ่านมา ศึกษามา มีคนสอนธรรมมาแบบนี้ แบบนั้น ว่าคนนั้นโง่ ว่าคนนี้งมงาย สุดท้ายตัวเองต้องตายตกไปเปตภูมิด้วยกรรมของความไม่ปฏิบัติขัดเกลานั่นเอง ส่วนตัวผู้เขียนจึงมองว่า "แทนที่จะตีฝีปากใส่คนอื่น ปฏิบัติให้ถึงตามข้อธรรมแล้วเอามาโชว์ น่าจะดีกว่า" ดังนั้น ใครจะปากแจ๋วไปเตือนใครเรื่องความเชื่อความงมงาย เอาศีลของตัวเองออกมาพิสูจน์เสียก่อน ถ้าตัวเองยังพร่องศีล คุณก็ยังไม่พ้นเปตภูมิ ไม่พ้นสัมภเวสี ไม่พ้นอเวจี แล้วมันจะต่างอะไรกับคนที่คุณปรามาส
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น