รับขันธ์ คืออะไร

 


#รับขันธ์ คืออะไร? ...

ขันธ์ในทางพุทธศาสนา หมายถึง รูปธรรมและนามธรรมทั้ง 5 กอง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่การรับขันธ์ในทางไสยศาสตร์ หรือศาสตร์แห่งไสย จะว่าด้วยไศว หรือไศย ก็ตาม นั้นมาจากอารยธรรมขอมโบราณ ที่ผสมผสานศาสนาผีและพราหมณ์เข้าไว้ด้วยกัน ลักษณะของขันธ์ คือการรับขัน (ขันที่เป็นภาชนะนี่แหละ) โดยอิงหลักของรูปธรรมและนามธรรมของคนรับกับ ผี เทวดาเบื้องล่าง เจ้าแม่ เจ้าพ่อ เจ้าที่เจ้าทาง ผีฟ้า ฯลฯ ผสานรวมร่าง และน้อมนำเข้ามาสู่ตัว อุทิศร่างของตนเป็นทางผ่านให้ผีสางเทวดาเหล่านั้นใช้เป็นสังขารชั่วคราว เพื่อทำกิจทางโลก อันเป็นผลแห่งกิเลสทั้งปวง

ปัจจุบัน เหล่าหมอดูร่างทรงไม่มีความรู้มากพอ รวมถึงครูบาอาจารย์ แม้กระทั่งสงฆ์นอกรีตทั้งหลาย ก็จะนำเอาพิธีรับขันธ์ มาตีออกเป็น ขันธ์ ๕, ขันธ์ ๘, ขันธ์ ๑๖ แล้วก็มโนเอาว่า คือการให้คนรับนั้นรักษาศีล เช่น ขันธ์ ๕ คือรักษาศีล ๕ ข้อ, ๘ ข้อ และ ๑๖ ข้อ เรียกได้ว่าเป็นการรีมิกซ์ความเชื่อแบบแนบเนียนครับ เอาพิธีพราหมณ์เข้าวัด เอาพิธีผีเข้าโบสถ์ ทำกันจนเห็นเป็นเรื่องปกติวิสัยไป

โดยส่วนตัวผมมองว่า จะต่างศาสนา ต่างวิถี ต่างความเชื่อ เป็นเรื่องนานาจิตตัง ใครก็สามารถคิดได้ ทำได้ เชื่อได้ ศรัทธาได้ตามเจตจำนงของตนเอง แต่การมัดรวมทุกอย่างเข้าไปไว้ในวัด อาจจะสร้างความเสื่อมในทางพุทธศาสนานิกายเถรวาทบ้านเรา ที่มีแนวทางปฏิบัติเคร่งครัดตามพุทธพจน์ โดยอาศัยพระไตรปิฎกเป็นเครื่องกำจัด ที่ต้องใช้คำว่ากำจัดก็เพราะ พุทธศาสนิกชนบางกลุ่ม ที่กล่าวว่าตนเป็นผู้มีศีลพรตถูกต้อง สมควร มักจะยกเอาพระไตรปิฎกมาฟาดหน้าความเชื่อนอกศาสนาเสมอ เป็นพวกคลั่งศีล คลั่งพระพุทธเจ้า มัวเมาในหลักธรรมคำสอนประเภทหนึ่งนั่นแหละ

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ พุทธศาสนาในประเทศไทย ถูกกระทำย่ำยีทั้งผู้ที่ไม่ศรัทธา และกลุ่มผู้ศรัทธาแบบแยกแยะวิถีปฏิบัติไม่ออกจากกัน รวมถึงกลุ่มผู้ศรัทธาแบบเย่อหยิ่ง มั่นหน้ามั่นศีล ทั้งสามกลุ่มเป็นรอยด่างของศาสนาพุทธที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน คนที่ออกตัวมาประกาศปาว ๆ ว่า ฉันเรียนจบหลักธรรมขั้นสูง บลา ๆ บลู้วว !! ... แต่เหมือนจะเรียนมาแค่ประดับความรู้ ไม่น้อมนำมาเป็นวิถีปฏิบัติให้กับตนเอง "ใช่ กูเรียนจบระดับนี้นะ แต่ศีล ๕ กูไม่รักษา กูเน้นเอาความรู้ออกมาขิงใส่คนดีกว่า สะใจดี" ไอ้ประเภทแบบนี้ก็สมเพชไม่ไหวเช่นเดียวกันครับ

ดังนั้นแล้ว หากเราเป็นชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธา และเชื่อในการ "เคยมีอยู่ของพระพุทธเจ้า" จริง เราพึงน้อมนำคำสอนมาใช้ในชีวิตปัจจุบันตามภาระหน้าที่ทางการงานและสังคมของเราครับ พระสงฆ์พึงรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ และศึกษาพระธรรมวินัยตามลำดับเปรียญ ส่วนปุถุชน ดูว่าตนประกอบอาชีพอะไร รักษาศีลได้ไหม ได้กี่ข้อ ได้มากได้น้อยก็ทำไปเท่าที่ทำได้ ขัดเกลาจิตใจให้บ่อย หมั่นสวดมนต์เพื่อระลึกถึงพระรัตนตรัย และเข้าใจหลักธรรม หรือคุณธรรมที่แฝงในบทสวดมนต์, หมั่นเจริญวิปัสสนาเพื่อขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส และเกิดสมาธิ, หมั่นให้ทาน เพื่อทรัพย์สมบัติรองรับทั้งทางโลกและทางธรรม อีกทั้งเป็นบ่อเกิดแห่งเมตตา การเสียสละ การละ การวาง

การน้อมนำหลักธรรมมาใช้ในการประกอบอาชีพ เพื่อระลึกถึงคำสอน และใช้คำสอนให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง เช่น ใช้หลักอิทธิบาท ๔ ในการทำงาน เป็นต้น ถามว่าทุกวันนี้ มีใครเข้าใจบ้างว่า ตัวเองเป็นพุทธสาวกแบบไหน แค่ไหว้ แค่ทำบุญ เท่านั้นหรือ??



ความคิดเห็น

คนชอบอ่าน

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ วานส์” (QUEEN OF WANDS)

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ เพนตาเคิลส์” (QUEEN OF PENTACLES)

ความหมายของไพ่บุคคล คิง ออฟ คัพส์ (KING OF CUPS)

ความหมายของไพ่ "เดอะ เวิลด์" (THE WORLD) สอนอ่านไพ่ยิปซี